A stop-limit order is a conditional trade over a set time frame that combines the features of stop with those of a limit order and is used to mitigate risk. It is related to other order types, including limit orders (an order to either buy or sell a specified number of shares at a given price or better) and stop-on-quote orders (an order to either buy or sell a security after its price has surpassed a specified point). Show
A stop-limit order requires the setting of two price points:
A time frame must also be set, during which the stop-limit order is considered executable. The primary benefit of a stop-limit order is that the trader has precise control over when the order should be filled. The downside, as with all limit orders, is that the trade is not guaranteed to be executed if the stock/commodity does not reach the stop price during the specified time period. The stop-limit order will be executed at a specified price, or better, after a given stop price has been reached. Once the stop price is reached, the stop-limit order becomes a limit order to buy or sell at the limit price or better. This type of order is an available option with nearly every online broker. A stop order is an order that becomes executable once a set price has been reached and is then filled at the current market price. A traditional stop order will be filled in its entirety, regardless of any changes in the current market price as the trades are completed. A limit order is one that is set at a certain price. It is only executable at times when the trade can be performed at the limit price or at a price that is considered more favorable than the limit price. If trading activity causes the price to become unfavorable regarding the limit price, then the activity related to the order will be ceased. By combining the two orders, the investor has much greater precision in executing the trade. A stop order is filled at the market price after the stop price has been hit, regardless of whether the price changes to an unfavorable position. This can lead to trades being completed at less than desirable prices should the market adjust quickly. Combining the stop order with the features of a limit order ensures that the order will not get filled once the pricing becomes unfavorable, based on the investor’s limit. Thus, in a stop-limit order, after the stop price is triggered, the limit order takes effect to ensure that the order is not completed unless the price is at or better than the limit price that the investor has specified. For example, assume that Apple Inc. (AAPL) is trading at $155 and that an investor wants to buy the stock once it begins to show some serious upward momentum. The investor has put in a stop-limit order to buy with the stop price at $160 and the limit price at $165. If the price of AAPL moves above the $160 stop price, then the order is activated and turns into a limit order. As long as the order can be filled under $165, which is the limit price, the trade will be filled. If the stock gaps above $165, then the order will not be filled. Buy stop-limit orders are placed above the market price at the time of the order, while sell stop-limit orders are placed below the market price.
A stop-loss order assures execution, while a stop-limit order ensures a fill at the desired price. The decision regarding which type of order to use depends on a number of factors. A stop-loss order will get triggered at the market price once the stop-loss level has been breached. An investor with a long position in a security whose price is plunging swiftly may find that the price at which the stop-loss order got filled is well below the level at which the stop-loss was set. This can be a major risk when a stock gaps down—say, after an earnings report—for a long position; conversely, a gap up can be a risk for a short position. A stop-limit order combines the features of a stop-loss order and a limit order. The investor specifies the limit price, thus ensuring that the stop-limit order will only be filled at the limit price or better. However, as with any limit order, the risk here is that the order may not get filled at all, leaving the investor stuck with a money-losing position.
Stop-loss orders will only be triggered during standard market hours, which is generally 9:30 a.m. to 4 p.m. Eastern time. They will not get executed during extended-hours sessions or when the market is closed for weekends and holidays.
A short position would necessitate a buy-stop limit order to cap losses. For example, if a trader has a short position in stock ABC at $50 and would like to cap losses at 20% to 25%, they can enter a stop-limit order to buy at a price of $60 and a limit price of $62.50. If the stock trades at a price of $60 to $62.50, then the stop-limit order will be executed, capping the trader’s loss on the short position in the desired 20%–25% range. However, if the stock gaps up—say, to $65—then the stop-limit order will not be executed and the short position will remain open.
Stop-limit orders can be set as either day orders—in which case they would expire at the end of the current market session—or good-’til-canceled (GTC) orders, which carry over to future trading sessions. Different trading platforms and brokerages have varying expiries for GTC orders, so check the time period when your GTC order will be valid.
คำสั่ง stop-limit order รวมทริกเกอร์หยุดและคำสั่งจำกัด คำสั่ง Stop-limit อนุญาตให้เทรดเดอร์กำหนดจำนวนกำไรขั้นต่ำที่พวกเขายินดีรับหรือสูงสุดที่พวกเขายินดีจ่ายหรือขาดทุนในการเทรด เมื่อคุณตั้งค่าคำสั่งหยุด-จำกัด และถึงราคาทริกเกอร์แล้ว คำสั่งจำกัดจะถูกวางโดยอัตโนมัติ แม้ว่าคุณจะออกจากระบบหรือออฟไลน์ คุณสามารถวางคำสั่งหยุด-จำกัดอย่างมีกลยุทธ์โดยพิจารณาจากแนวต้านและแนวรับและความผันผวนของสินทรัพย์ คำสั่งซื้อที่จำกัดคือคำสั่งซื้อที่คุณวางในสมุดคำสั่งซื้อด้วยราคาที่จำกัดเฉพาะ ราคาจำกัดจะถูกกำหนดโดยคุณ การซื้อขายจะดำเนินการก็ต่อเมื่อราคาตลาดถึงราคาจำกัดของคุณ (หรือดีกว่า) ดังนั้น คุณอาจใช้คำสั่งจำกัดเพื่อซื้อในราคาที่ต่ำกว่าหรือขายในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน Advertisement ในคำสั่งหยุด-จำกัด ราคาหยุดคือราคาทริกเกอร์สำหรับการแลกเปลี่ยนเพื่อวางคำสั่งจำกัด ราคาจำกัดคือราคาที่จะวางคำสั่งซื้อของคุณ คุณสามารถกำหนดราคาจำกัด ซึ่งมักจะตั้งให้สูงกว่าราคาหยุดสำหรับคำสั่งซื้อและต่ำกว่าสำหรับคำสั่งขาย ความแตกต่างนี้รองรับการเปลี่ยนแปลงราคาตลาดระหว่างเวลาที่ราคาหยุดและคำสั่งจำกัดถูกวาง หากคุณต้องการเริ่มซื้อขายอย่างแข็งขันมากกว่าที่จะเป็น HODL คุณอาจต้องใช้มากกว่าคำสั่งของตลาด คำสั่งหยุดการจำกัดให้การควบคุมและการปรับแต่งที่มากขึ้น แนวคิดอาจสร้างความสับสนสำหรับผู้เริ่มต้น ดังนั้น มาดูความแตกต่างที่สำคัญระหว่างคำสั่งจำกัด การหยุดการขาดทุน และคำสั่งหยุดการจำกัดก่อน สร้างบัญชี Binance ของคุณสมัครเข้าใช้งานเพื่อซื้อขายบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัล >> www.binance.com วิธีการสมัครได้ที่และการยืนยันตัวตน รีวิวขั้นตอนการสมัคร Binance Exchange และขั้นตอนการ Verify คำสั่งจำกัด กับ คำสั่งหยุดการขาดทุน เทียบกับ คำสั่งหยุด-จำกัดคำสั่งจำกัด คำสั่งหยุดการขาดทุน และคำสั่งหยุด-จำกัด เป็นประเภทคำสั่งทั่วไปบางประเภท คำสั่งจำกัดช่วยให้คุณกำหนดช่วงของราคาที่คุณยินดีที่จะซื้อขาย คำสั่งหยุดการขาดทุนกำหนดราคาหยุดที่ทริกเกอร์คำสั่งตลาด และคำสั่งหยุดการจำกัดรวมแง่มุมของทั้งสอง มาดำดิ่งกันต่อไป: จำกัดการสั่งซื้อเมื่อคุณตั้งค่าคำสั่งจำกัด คุณจะเลือกราคาซื้อสูงสุดหรือราคาขายขั้นต่ำ การแลกเปลี่ยนของคุณจะพยายามเติมคำสั่งจำกัดโดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดตรงหรือดีกว่าราคาจำกัดของคุณ คำสั่งเหล่านี้มีประโยชน์เมื่อคุณมีราคาเข้าหรือออกเป้าหมาย และไม่ต้องกังวลกับการรอให้ตลาดตรงตามเงื่อนไขของคุณ โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์จะวางคำสั่งขายแบบจำกัดราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันและคำสั่งจำกัดการซื้อที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน หากคุณวางคำสั่งจำกัดที่ราคาตลาดปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการในไม่กี่วินาที (เว้นแต่จะเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ) ตัวอย่างเช่น หากราคาตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ 32,000 ดอลลาร์ (BUSD) คุณสามารถตั้งค่าคำสั่งซื้อที่ $31,000 เพื่อซื้อ BTC ทันทีที่ราคาแตะ $31,000 หรือต่ำกว่า คุณอาจวางคำสั่งขายที่ $33,000 ซึ่งหมายความว่าการแลกเปลี่ยนจะขาย BTC ของคุณหากราคาไปถึง $33,000 หรือสูงกว่า คำสั่งหยุดจำกัดดังที่กล่าวไว้ คำสั่งหยุด-จำกัด รวมทริกเกอร์หยุดและคำสั่งจำกัด คำสั่งหยุดจะเพิ่มราคาทริกเกอร์สำหรับการแลกเปลี่ยนเพื่อวางคำสั่งจำกัดของคุณ เรามาดูกันว่ามันทำงานอย่างไร คำสั่งหยุด-จำกัด ทำงานอย่างไรวิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจคำสั่งหยุด-จำกัดคือการแบ่งมันออกเป็นส่วนๆ ราคาหยุดทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้วางคำสั่งจำกัด เมื่อตลาดถึงราคาหยุด มันจะสร้างคำสั่งจำกัดโดยอัตโนมัติด้วยราคาที่กำหนดเอง (ราคาจำกัด ) แม้ว่าราคาหยุดและวงเงินจะเท่ากัน แต่ก็ไม่ใช่ข้อกำหนด ในความเป็นจริง มันจะปลอดภัยกว่าสำหรับคุณที่จะตั้งราคาหยุด (ราคาทริกเกอร์) ให้สูงกว่าราคาจำกัดสำหรับคำสั่งขายเล็กน้อย สำหรับคำสั่งซื้อ คุณสามารถกำหนดราคาหยุดให้ต่ำกว่าราคาจำกัดได้เล็กน้อย สิ่งนี้จะเพิ่มโอกาสในการเติมคำสั่งซื้อที่จำกัดของคุณหลังจากที่ทริกเกอร์ ตัวอย่างคำสั่งซื้อและขายแบบหยุดจำกัดซื้อหยุดจำกัดลองนึกภาพว่าขณะนี้ BNB อยู่ที่ 300 ดอลลาร์ (BUSD) และคุณต้องการซื้อเมื่อเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณไม่ต้องการที่จะจ่ายมากเกินไปสำหรับ BNB ถ้ามันเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคุณต้องจำกัดราคาที่คุณจะจ่าย สมมติว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณบอกคุณว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจเริ่มต้นขึ้นหากตลาดทะลุเหนือ $310 คุณตัดสินใจใช้คำสั่ง buy stop-limit เพื่อเปิดสถานะในกรณีที่เกิดการฝ่าวงล้อม คุณกำหนดราคาหยุดที่ $310 และราคาจำกัดของคุณที่ $315 ทันทีที่ BNB สูงถึง 310 ดอลลาร์ จะมีการจำกัดคำสั่งซื้อ BNB ที่ 315 ดอลลาร์ คำสั่งซื้อของคุณอาจมีราคาเท่ากับ 315 หรือต่ำกว่า โปรดทราบว่า $315 เป็นราคาที่จำกัดของคุณ ดังนั้นหากตลาดขึ้นเหนือมันเร็วเกินไป คำสั่งซื้อของคุณอาจไม่เต็ม ขายหยุด-จำกัดลองนึกภาพว่าคุณซื้อ BNB ที่ $285 (BUSD) และตอนนี้มันอยู่ที่ $300 เพื่อป้องกันการสูญเสีย คุณตัดสินใจใช้คำสั่งหยุดการจำกัดเพื่อขาย BNB หากราคาลดลงกลับไปที่รายการของคุณ คุณตั้งค่าคำสั่งขายหยุด-จำกัดด้วยราคาหยุดที่ $289 และราคาจำกัดที่ $285 (ราคาที่คุณซื้อ BNB ที่) หากราคาถึง $289 คำสั่งจำกัดการขาย BNB ที่ $285 จะถูกวาง คำสั่งซื้อของคุณอาจมีราคา 285 ขึ้นไป จะวางคำสั่ง stop-limit order บน Binance ได้อย่างไร?สมมติว่าคุณเพิ่งซื้อ 5 BTC ที่ราคา 31,820.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (BUSD) เพราะคุณเชื่อว่าราคาจะเริ่มสูงขึ้นในไม่ช้า Advertisement  ในสถานการณ์นี้ คุณอาจต้องการกำหนดคำสั่งขายแบบหยุด-จำกัด เพื่อบรรเทาการขาดทุนของคุณหากสมมติฐานของคุณผิดและราคาเริ่มลดลง ในการทำเช่นนั้น ลงชื่อเข้า ใช้บัญชี Binance ของคุณ และไปที่ตลาดBTC /BUSD จากนั้นคลิกที่แท็บ [Stop-limit] และกำหนดราคาหยุดและจำกัด พร้อมกับจำนวน BTC ที่จะขาย หากคุณเชื่อว่า $31,820 เป็นแนวรับที่น่าเชื่อถือ คุณสามารถตั้งคำสั่งหยุดการจำกัดที่ต่ำกว่าราคานี้ได้ (ในกรณีที่ไม่สามารถถือได้) ในตัวอย่างนี้ เราจะวางคำสั่ง stop-limit สำหรับ 5 BTC โดยมีราคาหยุดที่ $31,790 และราคาจำกัดที่ $31,700 มาดูทีละขั้นตอนกัน เมื่อคุณคลิก [ขาย BTC] หน้าต่างยืนยันจะปรากฏขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกต้องแล้วกด [Place Order] เพื่อยืนยัน หลังจากวางคำสั่งหยุดการจำกัด คุณจะเห็นข้อความยืนยัน คุณยังสามารถเลื่อนลงเพื่อดูและจัดการคำสั่งซื้อที่เปิดอยู่ โปรดทราบว่าคำสั่งหยุด-จำกัดจะดำเนินการก็ต่อเมื่อและเมื่อถึงราคาหยุด ซึ่งหมายความว่าคำสั่งจำกัดจะถูกเติมเต็มก็ต่อเมื่อราคาตลาดถึงราคาจำกัดของคุณหรือดีกว่า หากคำสั่งจำกัดของคุณถูกเรียกใช้ (โดยราคาหยุด) แต่ราคาตลาดไม่ถึงหรือดีกว่าราคาที่คุณกำหนด คำสั่งจำกัดจะยังคงเปิดอยู่ บางครั้งคุณอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ราคาลดลงเร็วเกินไป และคำสั่งหยุดการจำกัดของคุณถูกส่งผ่านไปโดยไม่ถูกเติมเต็ม ในกรณีนี้ คุณอาจต้องอุทธรณ์คำสั่งของตลาดเพื่อออกจากการค้าอย่างรวดเร็ว ข้อดีของการใช้คำสั่งหยุดจำกัดคำสั่งหยุดการจำกัดช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งและวางแผนการซื้อขายของคุณได้ เราไม่สามารถตรวจสอบราคาได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด crypto ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ข้อดีอีกประการหนึ่งคือคำสั่งหยุดการจำกัดช่วยให้คุณสามารถกำหนดจำนวนกำไรที่เหมาะสมในการรับ คำสั่งซื้อของคุณจะถูกเติมเต็มไม่ว่าราคาตลาดจะเป็นอย่างไร ผู้ค้าบางคนชอบที่จะถือมากกว่าขายโดยเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ข้อเสียของการใช้คำสั่งหยุดจำกัดคำสั่งหยุด-จำกัดมีข้อเสียเช่นเดียวกับคำสั่งจำกัด ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่มีการรับประกันว่าจะดำเนินการ คำสั่งจำกัดจะเริ่มเติมเมื่อถึงราคาที่กำหนดหรือดีกว่าเท่านั้น อย่างไรก็ตามราคานั้นอาจไม่เคยเจอ แม้ว่าคุณสามารถสร้างช่องว่างระหว่างขีดจำกัดและราคาหยุด แต่บางครั้งช่องว่างอาจไม่เพียงพอ สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงสามารถเกินค่าสเปรดที่คุณวางไว้ในคำสั่งซื้อของคุณ สภาพคล่องอาจเป็นปัญหาได้ หากมีผู้รับไม่เพียงพอในการสั่งซื้อ หากคุณกังวลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อของคุณเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เติม ให้ลองใช้การเติมหรือฆ่า ตัวเลือกนี้ระบุว่าคำสั่งซื้อของคุณควรดำเนินการก็ต่อเมื่อสามารถกรอกได้ครบถ้วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่ายิ่งคุณเพิ่มเงื่อนไขในคำสั่งซื้อของคุณมากเท่าใด โอกาสที่คำสั่งจะดำเนินการนั้นก็จะน้อยลงเท่านั้น กลยุทธ์สำหรับการวางคำสั่งหยุด-จำกัดตอนนี้เราได้ศึกษาคำสั่งหยุด-จำกัด วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้คำสั่งเหล่านี้คืออะไร ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การซื้อขายพื้นฐานบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของคำสั่งหยุดการจำกัดของคุณและหลีกเลี่ยงข้อเสียบางประการ 1. ศึกษาความผันผวนของสินทรัพย์ที่คุณวางคำสั่งหยุดการจำกัด เราได้แนะนำการตั้งค่าส่วนต่างเล็กน้อยระหว่างคำสั่งหยุดและคำสั่งจำกัดเพื่อเพิ่มโอกาสที่คำสั่งจำกัดของคุณจะถูกเติมเต็ม อย่างไรก็ตาม หากสินทรัพย์ที่คุณกำลังซื้อขายมีความผันผวน คุณอาจต้องตั้งค่าสเปรดให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย 2. คิดถึงสภาพคล่องของสินทรัพย์ที่คุณกำลังซื้อขาย คำสั่ง Stop-limit มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อทำการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีส่วนต่างราคาเสนอซื้อสูงหรือสภาพคล่องต่ำ (เพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่ไม่ต้องการซึ่งเกิดจากการเลื่อนไหล) 3. ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อกำหนดระดับราคา เป็นความคิดที่ดีที่จะกำหนดราคาหยุดของคุณที่ระดับแนวรับหรือแนวต้านของสินทรัพย์ วิธีหนึ่งในการกำหนดระดับเหล่านี้คือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้คำสั่ง buy stop-limit โดยที่ราคาหยุดอยู่เหนือระดับแนวต้านที่สำคัญเพื่อใช้ประโยชน์จากการฝ่าวงล้อม หรือคำสั่ง sell stop-limit ที่ต่ำกว่าระดับแนวรับเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะออกไปก่อนที่ตลาดจะตกต่ำต่อไป หากคุณไม่แน่ใจว่าระดับแนวรับและแนวต้านคืออะไร โปรดดูคำอธิบายพื้นฐานของแนวรับและแนวต้าน ปิดความคิดคำสั่งหยุดการจำกัดเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สามารถให้ความสามารถในการซื้อขายมากกว่าคำสั่งในตลาดทั่วไป นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมที่ไม่จำเป็นต้องทำการซื้อขายเพื่อให้คำสั่งซื้อเสร็จสมบูรณ์ การรวมคำสั่งหยุดการจำกัดหลายคำสั่งเข้าด้วยกัน ทำให้ง่ายต่อการจัดการการถือครองของคุณไม่ว่าราคาจะตกลงหรือเพิ่มขึ้น สร้างบัญชี Binance ของคุณสมัครเข้าใช้งานเพื่อซื้อขายบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัล >> www.binance.com วิธีการสมัครได้ที่และการยืนยันตัวตน รีวิวขั้นตอนการสมัคร Binance Exchange และขั้นตอนการ Verify ที่มา https://www.binance.com/
|
Limit กับ stop-limit binance
zusammenhängende Posts
Urheberrechte © © 2024 wiewird Inc.
