เผยแพร่: 18 เม.ย. 2560 15:09 ปรับปรุง: 18 เม.ย. 2560 15:34 โดย: MGR Online
WICE จับมือ บล.ฟิลลิป เดินสายโรดโชว์ สิงคโปร์ ฮ่องกง พบนักลงทุนสถาบัน เผยกระแสตอบรับดีเกินคาด นักลงทุนเชื่อมั่นธุรกิจเติบโต โมเดลธุรกิจสร้างโครงข่ายพันธมิตรต่างประเทศสุดเจ๋ง ยกระดับสู่การเป็นผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับนานาชาติ ตั้งเป้าทั้งปี 2560 รายได้ทำนิวไฮในรอบ 24 ปี โตอย่างน้อย 30%
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE เปิดเผยว่า บริษัทได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมีการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากนักลงทุนสถาบันดังกล่าว ซึ่งการโรดโชว์ต่างประเทศครั้งแรกของ WICE ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจว่า ธุรกิจลอจิสติกส์ของคนไทยสามารถสร้างความโดดเด่นในเรื่องงานบริหารจัดการด้านลอจิสติกส์แบบครบวงจรที่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่หลายแห่ง
สำหรับข้อมูลที่ WICE นำเสนอต่อนักลงทุนสถาบันต่างประเทศในครั้งนี้ เน้นไปที่กลยุทธ์การเติบโต การขยายธุรกิจภายใต้การสร้างเครือข่ายพันธมิตรในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดงานบริการของบริษัทกับฐานลูกค้าของเครือข่ายในประเทศต่างๆ ด้วยประสบการณ์ด้านลอจิสติกส์ที่โดดเด่นสร้างความแตกต่าง และเชื่อมโยงทุกการขนส่งทั่วโลก ทั้งงานบริการนำเข้าส่งออกทางทะเล (Sea Freight) ทางอากาศ (Air Freight) งานบริการ พิธีการศุลกากร งานขนส่งในประเทศ และงานบริหารจัดการคลังสินค้า เพื่อยกระดับสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเป็นปีที่ WICE เติบโตสูงสุดจากการดำเนินงานในรอบ 24 ปี รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของปริมาณงานบริการทุกช่องทาง การรับรู้รายได้จากการดำเนินงานของ Sun Express Logistics Pte. Ltd. (SEL) บริษัทรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ เข้ามาเต็มปีเป็นปีแรก และบริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนให้อยู่ในเกณฑ์ดี เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิของบริษัทให้อยู่ในระดับที่ดีด้วยเช่นกัน
“การเดินทางไปนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้มีกระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก กองทุน และสถาบันต่างๆ ให้ความสนใจธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งดีลซื้อกิจการ SEL ประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว และการขยายเครือข่ายผ่านพันธมิตรในประเทศต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งบริษัทได้เน้นย้ำให้กองทุนต่างๆ เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่ยั่งยืน และความพร้อมในการยกระดับเป็นบริษัทลอจิสติกส์ระดับนานาชาติ ที่มีความน่าสนใจลงทุน”
กำลังมองหาipadอะครับ แต่เลือกไม่ถูกละหว่างใส่ซิมได้กับไม่ได้ คือเราใช้i5 อยู่แล้วก็ต้องจ่ายรายเดือน ถ้าจะให้จ่ายค่าเน็ท ทั้ง2เครื่องก็คงไม่ไหว เลยอยากถามเพื่อนๆว่า 1ใช้แบบไหนกันอยู่ครับ ผมเชื่ิว่าหลายๆคนโทรศัพสามารถแชร์เน็ทได้ แล้วเพื่อนๆซื้อไอแพดแบบไหนมาใช้กัน? 2.ถ้าเราใช้แบบแชร์จากมือถือ ไอแพดเล่นเน็ตช้ามากไม๊ครับ? 3. มีใครมีแพกเก็จ เน็ทสำหรับไอแพดที่ราคาย่อมเยาแนะนำบ้างครับ?
ขอบคุณมากๆนะครับ
0
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รุ่น Wi-Fi + Cellular รุ่นใหม่กว่ามาพร้อมเทคโนโลยี eSIM ในตัว ซึ่งทำงานได้เหมือนซิมการ์ดแบบดิจิทัล โดยมีหลายวิธีในการเปิดใช้งาน eSIM บน iPad ของคุณ ไม่ว่าจะดาวน์โหลดลงบน iPad โดยตรง, สแกนรหัส QR หรือใช้แอปของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์* และเมื่อมี eSIM คุณก็สามารถเลือกแผนบริการข้อมูลเซลลูลาร์จากผู้ให้บริการที่เราคัดสรรมาแล้วทั้งในสหรัฐอเมริกาและมากกว่า 180 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ดูเพิ่มเติม เกี่ยวกับการตั้งค่า eSIM
รุ่น Wi-Fi + Cellular ที่มีเทคโนโลยี eSIM ติดตั้งในตัวเครื่อง ได้แก่ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า), iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1 หรือใหม่กว่า), iPad Air (รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า), iPad (รุ่นที่ 7 หรือใหม่กว่า) และ iPad mini (รุ่นที่ 5 และ 6)
รุ่น Wi-Fi + Cellular ทุกรุ่นมีถาด Nano-SIM มาให้ ซึ่งสามารถใช้งานซิมการ์ดจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ได้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรองรับเครือข่าย LTE ของ iPad แยกตามผู้ให้บริการเครือข่ายและประเทศหรือภูมิภาค
* ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางรายอาจไม่รองรับ eSIM โปรดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ สำหรับประเทศจีน eSIM จะใช้งานได้กับ iPad รุ่นที่ 10 เท่านั้น เทคโนโลยี eSIM ใช้งานได้กับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1 หรือใหม่กว่า), iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า), iPad Air (รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า), iPad (รุ่นที่ 7 หรือใหม่กว่า) และ iPad mini (รุ่นที่ 5 และ 6)